พ้นเทศกาลเจแล้ว แต่ว่ากันว่าปีนี้มีกินเจอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งยังไม่ถึงกำหนด ระหว่างออกเจช่วงแรกแต่ยังไม่ถึงช่วงที่สองนี้มีคนถามว่าไม่เขียนเรื่องลูกทะเลแล้วเหรอ ผมพวกหลงตัวเองคิดเข้าข้างตนว่าอยากให้เขียนอีก จึงเขียนเรื่องลูกทะเลอีกครั้งตามคำกระแนะกระแหน ซึ่งผมถือเสมือนว่าเป็นคำเรียกร้อง วันนี้จึงขอเสนอเรื่องปูในทะเลอีกชนิดหนึ่ง ที่มีเอกลักษณ์ของเอกบุรุษและสตรีอย่างชัดเจน เป็นปูชนิดที่มีคนถามกันบ่อยมากว่าทำไมมันชื่อ “ปูใบ้” ผมเองก็ไม่รู้เหตุผล แต่ทั้งนี้ ปูหลายชนิดก็มีชื่อเรียกที่ไม่มีที่มาที่ไปและไม่เหมือนรูปร่างลักษณะเช่นกัน เช่น ปูม้า ปูกะตอย ยิ่งปูแสมนี่แล้วใหญ่ไปเกาะอยู่ตามป่าโกงกางโน่น ไม่ได้อยู่ตามต้นแสมอย่างชื่อหรอก ซึ่งก็แปลกที่ผู้คนไม่ค่อยถามถึงที่มาของชื่อปูเหล่านั้น ผิดกับปูใบ้ ได้ยินคำถามบ่อยครั้งว่าทำไมมันชื่อปูใบ้ หลายครั้งหลายหนเข้าผมก็นึกสงสัยอย่างนั้นเหมือนกัน พยายามนึกหาเหตุผล เอ ปูทุกชนิดมันก็เป็นใบ้พูดไม่ได้สักกะตัว จนสะดุดกับท่าทีของปูใบ้และคิดว่านี่ล่ะคือที่มาของชื่อ คือปูแทบทุกชนิดจะมีความไว เอาอะไรแหย่ก้ามมันงับขวับเร็วขนาดแทบดึงไม่ทัน วิ่งไปคลานมาอยู่ไม่สุข จนเกิดคำพังเพยว่า จับปูใส่กระด้ง แต่ปูใบ้มันนิ่งมาก จะเอาอะไรเขี่ยตัวเขี่ยก้ามมันวางเฉย สงบสยบความเคลื่อนไหว แต่อย่าเผลอเอานิ้วไปแหย่ในร่องก้ามมันนะ บางครั้งมันคิดหยอกเล่นงับเข้านะครับต้องให้ฟ้าร้องสามครามันจึงจะปล่อย โบราณว่าไว้ครับ จริงไม่จริงไม่รู้ไม่กล้าทดสอบด้วยตนเอง อาการของปูใบ้ที่นิ่งสงบเนี่ยแหล่ะผมเชื่อว่าเป็นที่มาของชื่อ เนื่องจากคนโบราณมักเรียกกริยานิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าเป็นเบื้อใบ้ ปูใบ้ เป็นปูที่คนนิยมกินก้าม ส่วนตัวมีเนื้ออร่อยก็จริงแต่แกะยากมาก เพื่อความสะดวกจึงทุบแกะกินแต่ก้าม เมื่อก่อนใช้วิธีหักก้ามแล้วปล่อยตัวลงทะเลไปให้งอกก้ามใหม่ แม้ดูโหดร้ายแต่ปูยังรอดชีวิตไปได้ แต่ทุกวันนี้ปูใบ้เริ่มหายากและมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ตัวก็กินกันแล้วครับ แกะยากไม่ยากไม่สนกินเนื้อปนเปลือกไปก็อร่อย ปูใบ้มีสองก้ามครับ ไม่ใช่ก้ามเดียวอย่างที่บางคนเข้าใจ ถ้าก้ามเดียวนั้นคือปูก้ามดาบ ไม่เชื่อดูภาพประกอบครับไม่มีการตัดต่อ เป็นปูใบ้ต้มสุกแล้วแกะทุบกินได้เลย เชิญครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น