วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ลูกแม่ค้า ตอน ข้าวเหนียวแก้ว

ลูกแม่ค้า ตอน ข้าวเหนียวแก้ว
ในจำพวกขนมที่ต้องใช้วิธีกวนๆด้วยกันแล้ว ข้าวเหนียวแก้วเป็นขนมที่กวนโอ๊ยน้อยที่สุด กวนง่ายไม่ทันเหนื่อยก็ใช้ได้ เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่มักต้องมีในงานมงคล ชื่อก็เป็นมงคล สีสันสดใสสวยงามน่ากินน่ามอง วิธีทำไม่ยุ่งยากมากนัก ก่อนอื่นหาซื้อข้าวเหนียวเขี้ยวงูมาแช่น้ำ ชื่อข้าวเหนียวดูเหมือนจะหายาก แต่เปล่าส่วนใหญ่ตามร้านค้าก็ขายกันชนิดนี้แหล่ะครับ แช่ไว้พักหนึ่งแล้วสรงข้าวเหนียวขึ้นจากน้ำ ใช้มือสรงไม่ต้องคิดมากไปสรรหาอะไรมาตักนะครับ ข้าวเหนียวหักเสียสวยซะเปล่าๆ ใส่หวดนึ่งพอได้กลิ่นโชยหอม พลิกกระดกข้าวเหนียวจากในหวดกลับไปนึ่งอีกพักก็สุก เทข้าวเหนียวใส่กะละมังผสมน้ำตาลให้ออกหวาน กะทิขลุกขลิก เหยาะเกลือนิดหน่อย ใส่สีผสมอาหารหรือสีจากพืชลงไปเล็กน้อย อยากได้สีเขียวก็ใช้ใบเตย สีม่วงก็ดอกอัญชัน สีขาวก็ไม่ต้องใส่สี คลุกๆแล้วเทโครมลงกระทะ บางคนใช้วิธีผสมส่วนผสมที่ว่าลงน้ำกะทิแล้วเทใส่ข้าวเหนียวในกระทะทีเดียวก็แล้วแต่เทคนิคใคร เปิดไฟไม่ต้องแรงนัก กวนไปกวนมา สักพักจนข้าวเหนียวหยุดกระโดด ทำทีท่าหนืดๆเหนียวๆติดไม้พายก็ปิดไฟเตา ยกลงมาพักให้เย็นข้าวเหนียวจะเหนียวขึ้นเองอีกนิดหน่อย แล้วค่อยจัดใส่ภาชนะ อาจเป็นถาด ถ้วย หรือกระทงแล้วแต่ใจ หรือตามแต่มีใครสั่ง 
***ขนมไทยทำไม่ยากหากบากบั่น สิ่งสร้างสรรค์สวยงามล้ำเลอค่า
โบราณฝากมรดกตกทอดมา ช่วยรักษาอย่าให้หายเสียดายเอย.

ลูกทะเล ตอน ปลาเนื้อดำ

ลูกทะเล กับ ปลาเนื้อดำ

ปลาลักษณะคล้ายปลากระเบน แต่ครีบด้านข้างแผ่ยื่นกว้างออกจากส่วนลำตัวอย่างเห็นได้ชัดผิดจากกระเบนที่ครีบติดลำตัวกลมแบนไปทั้งร่าง ครีบที่ว่าคล้ายปีกนกซึ่งโบกสะบัดพลิ้วไหวในท้องน้ำเสมือนนกเหยี่ยวกระพือปีกร่อนบนเวหา จึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งในหลายๆชื่อว่ากระเบนนก เป็นปลามีเอกลักษณ์ชัดเจนสมชื่อทั้งลักษณะภายนอกที่มีปีกบินร่อนใต้ท้องน้ำหรือบางครั้งจะเห็นปลาชนิดนี้แทบจะโผผินบินขึ้นเหนือน้ำได้คล้ายนกตัวจริง ผิวมีสีดำออกเทาลายจุดขาวเล็กๆทั่วผิวส่วนบน ท้องขาวคล้ายท้องฉลาม และเนื้อในสีดำผิดปลาอื่นที่อาจมีสีขาวหรือแดง บ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่มีก้างกลางลำตัวเช่นปลาทั่วไป แต่เป็น
กระดูกอ่อนแกมเนื้อเป็นลายเส้นเช่นปลากระเบน เนื้อหนังอร่อยกว่ากระเบนอย่างไม่ต้องเทียบ นิยมทำหมักเค็มตากแห้ง หรือใช้เนื้อสดผัดเผ็ด แกงคั่วใส่กะทิ เนื้อดำเนียนสวยนิ่มนวลชวนฝัน กระดูกกรุบๆมันๆ เคี้ยวเพลินแทบลืมกลืน ปลาเนื้อดำหายากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ปลาเนื้อดำแดดเดียวตามร้านอาหารมักเป็นกระเบนตากแห้ง สังเกตที่เนื้อจะแอบออกแดงแม้กระทั่งหมักซอสให้ดำ ยังปกปิดไม่มิดชิด และเนื้อแข็งหักแทบดังเป๊าะ ปลาเนื้อดำต้องดำถึงเนื้อใน เนื้อหนึบเหนียว ฉีกเนื้อออกเป็นเส้นๆได้คล้ายเนื้อวัว ปลาเนื้อดำกับปลายี่สนตามตำรากูเกิ้ลบอกว่าเป็นปลาชนิดเดียวกัน แล้วแต่คนเรียกตามถิ่นใครถิ่นนั้น ไม่ใช่ยี่สกซึ่งเป็นปลานำ้จืดวงศ์ปลาตะเพียนนะครับ ยี่สนกับเนื้อดำที่ว่าเป็นปลาชนิดเดียวกันนี่แหล่ะ แถวบ้านผมยังอุตส่าห์จับแยกมันออกเป็นคนละพันธุ์กันอีกจนได้ เชื่อมั้ย ลำพังแค่เนื้อดำกับกระเบนก็ยากจะแยกแล้ว นี่เล่นแยกเนื้อดำกับยี่สนเข้าไปอีก ผมเองสืบเสาะค้น
กูเกิ้ลอยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่เห็นใครในนั้นบอกว่ามันเป็นปลาต่างชนิดกัน แต่ผู้คนในตลาดแถวบ้านผมแยกออกครับ ว่าเนื้อดำต้องผิวดำเทา ลายจุดขาวกระจายทั่วผิวส่วนบน หากผิวดำออกน้ำตาล จุดขาวเฉพาะส่วนโคนหาง แม้รูปร่างส่วนอื่นจะเหมือนกันยังกะแกะก็เป็นแค่ยี่สนเท่านั้น และเนื้อดำแพงกว่ายี่สน เชื่อเลย ความมานะพยายามในการกินของคนแถวนี้สูงจริงๆครับ ดีใจที่เป็นคนแถวนี้ เพราะมีของอร่อยกินเพียบ ขอขอบคุณที่อ่านกันครับ จากใจของไอ้หนุ่มเนื้อดำแต่ไม่เค็มครับ

ลูกทะเล ตอน ปูใบ้

ลูกทะเล กับปูใบ้

พ้นเทศกาลเจแล้ว แต่ว่ากันว่าปีนี้มีกินเจอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งยังไม่ถึงกำหนด ระหว่างออกเจช่วงแรกแต่ยังไม่ถึงช่วงที่สองนี้มีคนถามว่าไม่เขียนเรื่องลูกทะเลแล้วเหรอ ผมพวกหลงตัวเองคิดเข้าข้างตนว่าอยากให้เขียนอีก จึงเขียนเรื่องลูกทะเลอีกครั้งตามคำกระแนะกระแหน ซึ่งผมถือเสมือนว่าเป็นคำเรียกร้อง วันนี้จึงขอเสนอเรื่องปูในทะเลอีกชนิดหนึ่ง ที่มีเอกลักษณ์ของเอกบุรุษและสตรีอย่างชัดเจน เป็นปูชนิดที่มีคนถามกันบ่อยมากว่าทำไมมันชื่อ “ปูใบ้” ผมเองก็ไม่รู้เหตุผล  แต่ทั้งนี้ ปูหลายชนิดก็มีชื่อเรียกที่ไม่มีที่มาที่ไปและไม่เหมือนรูปร่างลักษณะเช่นกัน เช่น ปูม้า ปูกะตอย ยิ่งปูแสมนี่แล้วใหญ่ไปเกาะอยู่ตามป่าโกงกางโน่น ไม่ได้อยู่ตามต้นแสมอย่างชื่อหรอก ซึ่งก็แปลกที่ผู้คนไม่ค่อยถามถึงที่มาของชื่อปูเหล่านั้น ผิดกับปูใบ้ ได้ยินคำถามบ่อยครั้งว่าทำไมมันชื่อปูใบ้ หลายครั้งหลายหนเข้าผมก็นึกสงสัยอย่างนั้นเหมือนกัน พยายามนึกหาเหตุผล เอ ปูทุกชนิดมันก็เป็นใบ้พูดไม่ได้สักกะตัว จนสะดุดกับท่าทีของปูใบ้และคิดว่านี่ล่ะคือที่มาของชื่อ คือปูแทบทุกชนิดจะมีความไว เอาอะไรแหย่ก้ามมันงับขวับเร็วขนาดแทบดึงไม่ทัน วิ่งไปคลานมาอยู่ไม่สุข จนเกิดคำพังเพยว่า จับปูใส่กระด้ง แต่ปูใบ้มันนิ่งมาก จะเอาอะไรเขี่ยตัวเขี่ยก้ามมันวางเฉย สงบสยบความเคลื่อนไหว แต่อย่าเผลอเอานิ้วไปแหย่ในร่องก้ามมันนะ บางครั้งมันคิดหยอกเล่นงับเข้านะครับต้องให้ฟ้าร้องสามครามันจึงจะปล่อย โบราณว่าไว้ครับ จริงไม่จริงไม่รู้ไม่กล้าทดสอบด้วยตนเอง อาการของปูใบ้ที่นิ่งสงบเนี่ยแหล่ะผมเชื่อว่าเป็นที่มาของชื่อ เนื่องจากคนโบราณมักเรียกกริยานิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าเป็นเบื้อใบ้ ปูใบ้ เป็นปูที่คนนิยมกินก้าม ส่วนตัวมีเนื้ออร่อยก็จริงแต่แกะยากมาก เพื่อความสะดวกจึงทุบแกะกินแต่ก้าม เมื่อก่อนใช้วิธีหักก้ามแล้วปล่อยตัวลงทะเลไปให้งอกก้ามใหม่ แม้ดูโหดร้ายแต่ปูยังรอดชีวิตไปได้ แต่ทุกวันนี้ปูใบ้เริ่มหายากและมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ตัวก็กินกันแล้วครับ แกะยากไม่ยากไม่สนกินเนื้อปนเปลือกไปก็อร่อย ปูใบ้มีสองก้ามครับ ไม่ใช่ก้ามเดียวอย่างที่บางคนเข้าใจ ถ้าก้ามเดียวนั้นคือปูก้ามดาบ ไม่เชื่อดูภาพประกอบครับไม่มีการตัดต่อ เป็นปูใบ้ต้มสุกแล้วแกะทุบกินได้เลย เชิญครับ

ลูกทะเล ตอน ปลากระบอก

ลูกทะเล กับ ปลากระบอก
ผมถูกคนแถวบ้านเรียกว่า นักล่าชายฝั่ง ฟังเหมือนเท่ห์ แต่ที่จริงคือเขาเรียกแซวพวกขี้เกียจออกเรือหากินไกลๆ อย่างคนจำพวกผมด้วยชื่อที่ว่านั้น ซึ่งการล่าตามชายฝั่งมีหลายแบบ แต่แบบหนึ่งที่ผมทำบ่อยคือการล่าปลาชนิดหนึ่งเรียกว่า ปลากระบอก เป็นปลาที่หากินใกล้ชายฝั่ง ชอบเข้าสังคม คือชอบว่ายรวมกันเป็นฝูง ไม่ค่อยพบแบบโดดเดี่ยวเดียวดาย ปลาชนิดนี้ไม่กินเบ็ด ผมเคยลองใช้เบ็ดตกไม่ว่าจะใช้เหยื่ออะไรมันไม่ยอมกิน หรือมีใครตกได้ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะมันเป็นปลาปากเล็กเกินไปมั้งเลยกลืนเบ็ดไม่ได้ การที่จะได้ปลาชนิดนี้คือใช้แหหว่าน หรืออวนดัก ปลากระบอกเป็นปลาหาง่ายอยู่ใกล้ชายฝั่งแต่เนื้ออร่อยมากกว่าปลาราคาแพงบางชนิด เปรียบเสมือนหมูเลยคือทำอะไรกินก็อร่อย ต้มน้ำใสใส่น้ำปลาบีบน้ำมะนาวใส่พริกขี้หนูบุบพอแตกลงไปหลายๆเม็ด ซดคล่องคอชื่นใจยิ่งนัก หรือจะต้มส้มใส่ต้นหอมก็กลมกล่อมเข้าท่ากว่าปลาทู จะทอดเนื้อก็เหลืองสวยหวานกรอบนอกนุ่มใน ต้มยำทำแกงตากแห้งอร่อยหมดทุกอย่าง บางทีสวรรค์ก็ไม่ได้กลั่นแกล้งผู้คนมากไปนัก แค่ลองค้นหาสิ่งใกล้ตัว หลับตาแต่เปิดใจ อาจรู้แจ้งว่าปลากระบอกอร่อยกว่าแซลมอน ยกเว้นหากเพิ่งจีบกันใหม่ๆ แนะนำให้ชักชวนกันไปกินแซลมอนไม่ควรกินปลากระบอกต้มเค็มเป็นอันขาด

ลูกทะเล ตอน กั้งทะเล



ลูกทะเล กับ กั้งทะเล
ชื่อยอดนิยมสำหรับเด็กที่คลอดมาเป็นเพศหญิงในละแวกบ้านผม คือ น้องกุ้ง แต่ถ้าลูกคนที่สองยังเป็นหญิงมักจะเป็น น้องกั้ง ไม่ค่อยหนีจากนี้เท่าไหร่ เพียงแต่อาจสลับเป็นชื่อพี่หรือน้องแล้วแต่คนแรกตั้งเป็นชื่อใดก่อน เพราะชื่อเหล่านี้ฟังดูน่ารักน่าชัง เรียกแล้วฟังรื่นหู ผมไม่เคยได้ยินใครตั้งชื่อลูก ว่าจุ่มพรวด ช้างเหยียบ หรืออีคุด อะไรอย่างนั้น (ทั้งหมดเป็นชื่อปลา) น้องกุ้งเคยเขียนถึงบ่อยแล้ว คราวนี้จะเขียนถึงน้องกั้งบ้างนะครับ กั้ง เป็นสัตว์ทะเลประเภทหนึ่งซึ่งหากติดอวนแล้วปลดออกยากมาก มันจะม้วนตัวเป็นก้อนพาให้อวนติดพันเงี่ยงหนามบนตัวมันเป็นก้อนกลม สมัยผมยังออกเรือเห็นคนเรือใช้วิธีปลดกั้งจากอวนด้วยการดึงหัวกั้งจนขาด ฉีกทึ้งหรือบิดลำตัวจนแหลกเพื่อดึงเอาเศษชิ้นส่วนกั้งออกจากอวนแล้วโยนทิ้งทะเล หมดกัน น้องกั้งของผมกลายเป็นเศษขยะล่องลอยในทะเลหาประโยชน์ใดไม่ได้ ผลจากการที่เราจ่ายค่าแรงให้พวกเขาเป็นรายวัน หากเขาปลดกั้งอย่างบรรจงวันเวลาทำงานของพวกเขาก็จะยืดยาวออกไปแต่รายได้เท่าเดิม ซึ่งผมก็ไม่เคยว่าอะไร แล้วแต่ใจปล่อยให้มันเป็นไปตามสภาพ ส่วนตัวผมเองนั้นพยายามปลดกั้งแต่ละตัวออกจากอวนโดยให้เกิดความบอบช้ำเสียหายแก่ตัวกั้งน้อยที่สุด แม้ว่าในสมัยนั้นกั้งยังมีราคาไม่แพงนัก เทียบกับกุ้งทุกยี่ห้อกั้งถูกกว่าเค้าหมด แต่ผมเสียดายเพราะความจริงเนื้อกั้งหรือไข่กั้งอร่อยมาก ที่กั้งราคาไม่แพงอาจจะแกะเปลือกออกยาก อดีตกาลอะไรกินยากก็ไม่กินเพราะทรัพยากรมีเหลือเฟือ เลือกสรรกินได้ตามใจ แต่ทุกวันนี้ทุกอย่างหายากหาเย็น กั้งกลับเป็นของหายาก และเป็นของมีราคากว่ากุ้งไปแล้ว น้องกุ้งหรือน้องกั้งมักจะสวยน่ารักพอๆกัน อันนี้เป็นทัศนคติส่วนตัวครับ

ลูกทะเล ตอน ลมใน



ลูกทะเล กับลมใน
ออกพรรษาปีนี้ ลมในก็ลงทันทีทันใจ ลมใน ลมหนาว และลมตะวันออกเฉียงเหนือ คือลมเดียวกัน บ้านผมเรียกลมใน หน้าลมในชาวทะเลลำบากมากกว่าช่วงอื่น เพราะคลื่นลมแรงจัด ทำให้แล่นเรือออกทะเลไกลๆ ลำบาก แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาส ขอจำคำพูดเค้ามาใช้บ้างนะครับ เนื่องจากคลื่นลมแรงนี่แหล่ะ ทำให้สัตว์ทะเลหลายชนิดซึ่งเคยอยู่อาศัยไกลๆ ต้องหลบลมเข้าใกล้ชายฝั่ง ทำให้นักล่าชายฝั่งอย่างผมจับมันได้ง่ายขึ้น เช่น ปลาดุกทะเล ที่เคยอยู่อาศัยตามแนวไม้หอยแมลงภู่ ต้องแล่นเรือออกไปตกหรือแทง ก็หลบมาอยู่ตามโขดหินใกล้ชายฝั่ง ให้ยืนตกบนโขดหินหรือชานบ้านหรือใต้ถุนบ้านกันอย่างนั้นเลย  ปลาตัวใหญ่ก็เคยมีที่เรียกกันว่า ปลาเมาน้ำ ว่ายเข้าใกล้ชายฝั่งให้ตื่นตาตื่นใจเล่น เช่นปลากะพงขาว ผมเคยเห็นชาวบ้านเทียบเรือแล้วอุ้มปลากะพงขึ้นจากน้ำ นำ้หนักตัวขนาด 11 กิโลกรัม จากหลังบ้านที่พัก และสัตว์ทะเลอีกชนิดหนึ่งซึ่งต้องมาแน่ๆ คือกุ้ง ตัวเป็นๆ มานอนให้จับเล่นกันตามชายนำ้ วิธีการจับแสนจะง่ายดาย เดินลงไปในโคลนหลังบ้านบริเวณชายนำ้แล้วนอนครับ นั่งเดี๋ยวปวดหลัง เอามือควานๆ ไปที่ผิวโคลน หากสะดุดอะไรนูนๆ ลื่นๆ มันๆ ส่วนใหญ่ที่พบคือ ไม่กุ้งก็งูครับ ถ้าจับตัวได้แล้วให้ชูขึ้นเหนือนำ้ ถ้าเป็นกุ้งก็หย่อนใส่กระป๋องหรือภาชนะที่เตรียมไว้ แต่หากเป็นงู ให้กลั้นใจถือไว้สักพักแล้วโยนไปไกลๆ จากนั้นให้เคลื่อนที่ออกห่างจากจุดที่เขวี้ยงงูไปให้ไกลๆ โดยเร็วท่ีสุด ระหว่างกระบวนการดังกล่าวควรแหกปากร้องตะโกนบอกเพื่อนๆ ด้วยจะเป็นการดี เพราะไม่งั้นคราวหน้ามันเจอเข้าแล้วมันเขวี้ยงมาทางเราจะมองหน้ากันไม่ติด กรณีเช่นนี้วงจะแตกกันไปพักหนึ่ง จากนั้นค่อยกลับมารวมตัวกันใหม่หลังจากแน่ใจว่างูตัวนั้นมันไปแล้ว ผมชอบงมกุ้ง แม้จนโตมีการงานอย่างอื่นทำก็ยังเคยกลับไปล้วง เอ๊ย งมกุ้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งกินเหล้ากินยา เอ๊ย กินข้าวกินปลา กับเพื่อนห้าหกคนถึงเวลาประมาณตีสองกำลังเมา เอ๊ย กำลังอิ่มได้ที่ เอ ! ทำไมวันนี้เป็นงี้น้า เพื่อนชวนกันไปงมกุ้ง เดินถึงปลายสะพานผมถอดเสื้อกระโดดลงนำ้เค็มทันที หน้าหนาวลมกรรโชกช่วงเวลาตีสองนำ้เค็มสูงประมาณครึ่งหน้าอก มุดหน้าลงน้ำดำไปงมกุ้ง เพื่อนๆ นั่งกอดเข่ามองอยู่บนสะพาน ถามว่ากุ้งชุมมั้ย ผมบอกว่าโคตรชุมเลย จริงๆคือยังไม่เจอสักตัว พวกมันบอกว่า เออ งมได้เยอะๆ เดี๋ยวกูไปเอากระป๋องมาใส่ให้ แล้วบอกว่ากูนั่งอยู่ข้างบนยังหนาว ชวนมึงเล่นๆ ไม่นึกว่าจะเอาจริง ครับ การศึกษาไม่ได้ช่วยให้ผมฉลาดขึ้นฉันใด การงมกุ้งเวลาเมาย่อมไม่ได้ประโยชน์โภชผลอะไรฉันนั้น 

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ลูกแม่ค้า ตอน แปะก๊วย

ลูกแม่ค้า ตอน แปะก๊วย
วันนี้กินอาหารคาวแล้วรู้สึกอยากขนมหวาน อาจเป็นเพราะวันนี้ได้เห็นภาพ
แปะก๊วยมะพร้าวอ่อน ไม่ได้กินครับเห็นแต่ภาพที่มีคนที่บ้านส่งมาให้ดู ยั่วนำ้ลายเล่น "แปะ" แปลว่า "ขาว" ส่วน "ก๊วย" แปลว่า "ขนมหรือของกินเล่น" ความรู้ภาษาจีนผมได้มาจากการอ่านนิยายจีนครับ พวกชอลิ่วเฮียง อุ้ยเสี่ยวป้อ เล็กเซี่ยวหงส์พวกนั้น ดังนั้นอย่าถือเป็นจริงเป็นจังว่าถูกต้องตามภาษาจีนต้นตำรับ แต่น่าจะใกล้เคียงล่ะครับ ขนมชนิดนี้ไม่เคยถูกบรรจุว่าเป็นขนมไทยโบราณแน่นอน เพราะอายุขนาดผมนี่แล้วก็เพิ่งเคยเห็นหลังจากแปะก๊วยดังในทางมีสรรพคุณเป็นยาแก้โน่นแก้นี่ได้ตามที่รับทราบจากแหล่งข่าวต่างๆ ซึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง แต่ผลแปะก๊วยน่ากินครับ เอาไปใส่กับอะไรก็อร่อย แม้ว่าสรรพคุณทางยาสู้ใบของแปะก๊วยไม่ได้ แต่ผมเอารสชาติเป็นหลักครับ อะไรอร่อยก็ดีหมด อย่างน้อยก็ดีต่อความรู้สึก ผลแปะก๊วยเห็นจริงๆออกเหลืองมากกว่าขาวอย่างชื่อ หรือมาถึงเมืองไทยแล้วเปลี่ยนสีก็ไม่รู้ อยู่เมืองจีนอาจจะขาวก็ได้ ไม่งั้นคงไม่มีชื่ออย่างว่า ซึ่งกรณีเช่นนี้คล้ายกับกระรอกขาวที่เกาะสีชัง มีคนบอกว่าหากนำออกไปจากเกาะสีชังเมื่อใด กระรอกจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำหรือนำ้ตาลเช่นกระรอกทั่วไปทันที ผมเองยังไม่เคยเห็น ฉะนั้นก็ยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อยากพิสูจน์ให้รู้แน่เหมือนกัน เหมือนภาพแปะก๊วยมะพร้าวอ่อนนี่แหล่ะครับ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าเราชิมครับ